กาลาปากอสถูกค้นพบเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2078 โดยเฟรย์ โทมัส เดอ แบร์ลังกาบิช็อปแห่งปานามา ในช่วงแห่งการสำรวจและแสวงหาอาณานิคมของชาวสเปน แต่แบร์ลังกาไม่ใช่นักสำรวจ เขาถูกรัฐบาลสเปนส่งไปสอบสวนพฤติกรรมของนักสำรวจชาวสเปนที่ย่ำยีชาวพื้นเมืองเปรูอย่างป่าเถื่อนแต่ระหว่างเดินทางช่วงหนึ่งลมกลับสงบไปเฉย ๆ เรือจึงลอยตามกระแสน้ำไปทางทิศตะวันตกจนมาพบกับกาลาปากอส
แบร์ลังกาพิจารณาว่าหมู่เกาะนี้ไร้ประโยชน์ บรรยายไว้ในบันทึกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิติใด ๆ นอกจากนก แมวน้ำ และสัตว์เลื้อยคลานอีก 2-3 ชนิด ทั่วทั้งเกาะรกร้างและทำประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้เลย เพาะปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เมื่อเขามาถึงเกาะก็พบว่ามีน้ำจืดเหลือเพียงพอใช้ได้แค่ 2 วัน จึงให้คณะออกสำรวจหาแหล่งน้ำทั่วทั้งหมู่เกาะอย่างยากลำบาก ผ่านไป2-3 วัน จึงพบน้ำจืดในตาน้ำระหว่างหินผา ภายหลังจึง
เิดินตามรอยเท้าเต่าไปพบแหล่งน้ำจืดหลายแห่ง คนของแบร์ลังกายังพบว่าสามารถคั้นน้ำจากใบต้นแคคตัสได้ด้วย กระนั้น 2 คนในคณะกับม้าอีก 10 ตัวก็ตายไปขณะลำเลียงน้ำจืดมาถึงเรือ
อีกกระแสหนึ่งจากนักประวัติศาสตร์บางคน สันนิษฐานว่ากษัตริย์แห่งอินคาที่ทรงพระนามว่าทูปัก ยูปันคูอิ น่าจะเป็นผู้ค้นพบที่นี่เป็นคนแรกเมื่อ 60 ปีก่อนหน้าแบร์ลังกา เพราะมีบันทึกปรากฏข้อความว่าได้พบ "หมู่เกาะแห่งไฟ" ซึ่งเมื่้อถ้าพิจารณาจากสภาพพื้นที่อันทุรกันดาร ก็น่าจะเป็นเกาะกาลาปากอสนี่เอง แต่ภายหลังมีผู้พบหลักฐานว่าหมู่เกาะที่กษัตริย์แห่งอินคาทรงค้นพบนั้นไม่ใช่กาลาปากอส ลักษณะที่
กาลาปากอสเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็ต่อเมื่อนักสำรวจและนักชีววิทยาชาวอังกฤษนามว่าชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน (เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2352 และถึงแก่กรรม 19 เมษายน พ.ศ. 2452) เดินทางมาสำรวจหมู่เกาะแถบอเมริกาใต้ด้วยเรือหลวงบีเกิล และได้ใช้กาลาปากอสเป็นที่สังเกตวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จนเสนอทฤษฎีวิวัฒนาการทางชีววิทยาอันโด่งดัง ว่าด้วยการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติเกิดจากความเหมาะสมทางพันธุกรรม อันเป็นแนวคิดใหม่ทางวิทยาศาสตร์ และเสี่ยงต่อการถูก
ระหว่างการท่องไปในหมู่เกาะในทวีปอเมริกาใต้ ดาร์วินสำรวจพบซากฟอสซิลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สูญพันธ์ไปแล้วมากมาย พบว่ากาลาปากอสมีความโดดเด่นด้านชีววิทยาในแง่ความหลากหลาย สัตว์บนหมู่เกาะแห่งนี้แตกต่างไปจากแหล่งอื่น ๆโดยเฉพาะเต่าบกและนกบางชนิด แม้แต่ในเกาะแต่ละเกาะของกาลาปากอสเองก็ยังมีสัตว์ต่างชนิดกันอาศัยอยู่ ทำให้เข้าใจได้ว่าส่ิงมีชีวิตย่อมมีวิวัฒนาการ และกระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง สภาพอันโดดเดี่ยวของเกาะทำให้ทราบว่า สัตว์ที่อาศัยอยู่และไม่สามารถอพยพไปที่อื่น ๆ ไ้ด้เพราะอยู่ห่างไกล จะต้องปรับตัวเองให้ดำรงชีพและขยายเผ่าพันธ์อยู่ได้ด้วยการคัดสรรตามกลไกของธรรมชาติ ผู้แข็งแรงกว่าจะอยู่รอดและสืบทอดเผ่าพันธ์ได้เพราะรู้จักปรับตัว ส่วนเผ่าพันธ์ที่แข็งแรงน้อยกว่า และไม่รู้จักการปรับตัวก็จะสูญพันธ์ไป
ความคิดนี้แตกต่างไปจากความเชื่อดั้งเดิม ความหมายเดิมของการวิวัฒนาการ (evolution ซึ่งมีรากมาจากภาษาละตินว่า evolutio มีความหมายว่า "ไม่คลี่คลายเปลี่ยนแปลง") ทีูู่ถูกเสนอไว้ก่อนหน้านั้นเมื่่อศตวรรษที่ 17 อธิบายว่าสิ่งมีชีวิตสูญพันธ์เพราะภัยธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แล้วจึงมีสิ่งมีชีวิตพันธ์ใหม่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีิวิตรูปแบบเก่าเกิดขึ้นแทนที่
การเสนอทฤษฎีของดาร์วินซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์แท้ ๆ จึงอาจถูกต่อต้านในระยะแรกจากศาสนจักรและสาธารณชนที่มีความเชื่ีอทางศาสนารุนแรงในยุคนั้น ด้วยความหวั่นเกรงว่าตนจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับกาลิเลโอและนักคิดคนอื่น ๆ เขาจึงเผยแพร่แนวความคิดไว้ในวงแคบ เฉพาะหมู่เพื่อนฝูงและคนสนิท จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2401 เมื่อนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษชื่อ อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ ได้เสนอแนวความคิดที่คล้ายคลึงกันออกมา ดาร์วินจึงนำประสบการณ์จากการสำรวจหมู่เกาะกาลาปากอสร่วมเผยแพร่ทฤษฎีของตนด้วยในปีถัดไป โดยเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ On The Origin of Species by Means of Natural Selection, or The Preservation of Favoured Races in The Struggle for Life หรือมีชื่อสั้น ๆ ว่า The Origin of Species พิมพ์ครั้งแรกเมื่้อวันที่ 24 พฤศจิกายน
นับแต่นั้นมาหมู่เกาะกาลาปากอสจึงมีความสำคัญต่อโลกในฐานะที่เป็นแหล่งแสดงให้เห็นชัดที่สุดถึงรากเหง้าของวิวัฒนาการ เป็นมรดกแหล่งต้น ๆ ที่ยังคงสภาพเดิมไว้เช่นนั้นตลอดมานับล้านปี แม้กฎหมายว่าด้วยการรักษาสภาพธรรมชาติของหมู่เกาะจะมีขึ้นใน พ.ศ. 2477 ถูกแก้ไข 1 ครั้งใน 2 ปีถัดมา แล้วมีผลบังคับใช้จริง ๆ ในช่วงปี 2490 ก็ตาม ครั้นถึงปี พ.ศ. 2498 สหพันธ์สากลเพื่่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for The Conservation of Nature) ได้จัดคณะสำรวจเดินทางไปยังกาลาปากอส 2 ปีถัดมาองค์การยูเนสโกจึงเสนอให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเอกวาดอร์ ส่งคณะสำรวจเพื่อ
พ.ศ. 2502 อันเป็นวาระครบรอบ 100 ปีแห่งการตีพิมพ์หนังสือ The Origin of Species ของชาร์ลส์ ดาร์วิน รัฐบาลเอกวาดอร์ได้ประกาศให้พื้นที่ 97.5 เปอร์เซนต์ของหมู่เกาะเป็นอุทยานแห่งชาติ มูลนิธิชาร์ลส์ ดาร์วิน ก็ถูกสถาปนาขึ้นในปีเดียวกัน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ด้วยวัตถุประสงค์หลักคือ เืพื่อรักษาสภาพแวดล้อมอันโดดเด่นของหมู่เกาะให้คงเดิมมากที่สุด ขณะนี้ยังมีสถานีสังเกตการณ์ธรรมชาติอยู่บนหมู่เกาะและเกาะใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นอีก 2 แห่งของกาลาปากอส ในอนาคตเราอาจค้นพบแนวความคิดใหม่ ๆ ทางชีววิทยาจากที่นี่ ทฤษฎีของดาร์วินจะยังถูกต้องอยู่หรือไม่ อนาคตเท่านั้นจะเป็นตัวตัดสิน
คัดข้อความมาจากหนังสือ Nature Explorer ฉบับ June 2006 เพื่อเผยแพร่ให้เป็นความรู้แก่บุคคลทั่วไป
No comments:
Post a Comment